บทความโรคไต
โรคไต (Kidney disease) คือ โรคที่เกิดจากไตทำงานผิดปกติจึงส่งผลให้เกิดของเสีย และ/หรือ สารอาหาร และ/หรือธาตุอาหารส่วนเกินที่ปกติร่างกายจะกำจัดออกทางปัสสาวะโดยผ่านการทำงานของไต ซึ่งเมื่อเกิดโรคไต ไตจะทำงานได้ลดลง จึงก่อให้เกิดการคั่งของสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการเหล่านั้น ส่งผลถึงการทำงานของเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ จนถึงเกิดเป็นภาวะไตวาย ซึ่งการที่ร่างกายกำจัดของเสียไม่ได้ เนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆก็จะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ จนในที่สุดเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากภาวะไตวาย ถ้าไม่ได้รับการล้างไต หรือไม่ได้รับการปลูกถ่ายไตในช่วงเวลาที่เหมาะสม
โรคไต เป็นโรคพบได้บ่อยโรคหนึ่งทั่วโลก พบเกิดได้ในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจน ถึงผู้สูงอายุ โดยโอกาสเกิดใกล้เคียงกันทั้งในผู้หญิงและในผู้ชาย
โรคไต แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
- โรคไตเฉียบพลัน คือโรคไตที่เกิดจากสาเหตุเฉียบพลัน ซึ่งพบได้น้อยและมักสามารถรักษาได้หายในระยะเวลาสั้นๆ เช่น ไตขาดเลือดจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
- และโรคไตเรื้อรังที่พบได้สูง และเป็นปัญหาทางสาธารณสุขในปัจจุบัน โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรตไตเรื้อรัง คือ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจ ดังนั้นสถิติของการเกิดโรคไตเรื้อรังจึงขึ้นกับสถิติของโรคดังกล่าวด้วย โดยรายงานจากสหรัฐอเมริกา ในช่วง ปีพ.ศ. 2542-2549 พบผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในคนอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ประมาณ 26 ล้านคน (13% ของประชากร) และในจำนวนนี้ ประมาณ 60% มีอาการเข้าขั้นรุนแรง และในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน โรคไตเป็นอันดับ 9 ของสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรทั้งหมด
โรคไตที่พบได้บ่อย คือ โรคไตเรื้อรัง (ดังนั้น เมื่อกล่าวถึง โรคไต ทั่วไปจึงมักหมายถึง โรคไตเรื้อรัง) ที่มีสาเหตุมาจากโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และโรคหัวใจ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอักเสบ และ/หรือ การขาดเลือดของเซลล์ไต ส่วนโรคอื่นๆที่พบได้ เช่น โรคไตจาก โรคนิ่วในไต โรคไตอักเสบจากการติดเชื้อ โรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง โรคถุงน้ำหลายๆถุงในไตทั้งสองข้าง (Polycystic kidney disease) และโรคมะเร็งไต ส่วนโรคไตเฉียบพลันซึ่งพบได้น้อยมาก เช่น จากไตขาดเลือดทันที (เช่น การเสียเลือดมาก) ภาวะขาดน้ำ หรือ อุบัติเหตุที่ไต จากแพ้ยาบางชนิด (เช่น จากยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือการแพ้สารทึบแสง/สี ที่ฉีดในการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือเอมอาร์ไอ)

โรคไตมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- สาเหตุของโรคไตเฉียบพลัน ซึ่งเป็นโรคพบได้น้อย เช่น ไตขาดเลือดจากร่างกายเสียเลือดมาก ไตได้รับบาดเจ็บโดยตรง (เช่น จากอุบัติเหตุ) ภาวะขาดน้ำรุนแรง ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดบางชนิด ยาปฏิชีวนะบางชนิด สารทึบแสง/สีที่ฉีดในการวินิจฉัย โรคด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือเอมอาร์ไอ
- สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคไตเรื้อรัง มีได้หลากหลาย ที่พบบ่อยที่สุด คือ จากโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน และโรคหัวใจ นอกจากนั้น เช่น
- โรคนิ่วในไต
- ไตติดเชื้อแบคทีเรีย
- โรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง
- กินอาหารเค็ม เพราะเกลือโซเดียมสูงในเลือด เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
- โรคมะเร็ง โดยมักเกิดจากโรคมะเร็งชนิดต่างๆแพร่กระจายเข้าต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง แล้วต่อมน้ำเหลืองเหล่านี้มีขนาดโตจนกดเบียดทับท่อไต ส่งผลให้เกิดมีการเพิ่มความดันในไต ไตบวม และเซลล์ไตเสียการทำงานในที่สุด
- โรคทางพันธุกรรม เช่น มีถุงน้ำมากมายในไตทั้งสองข้าง (Polycystic kidney disease)
โรคไตมีอาการอย่างไร?
ในโรคไตเฉียบพลัน อาการสำคัญ คือ ปัสสาวะน้อยกว่าปกติมาก หรือไม่มีปัสสาวะ
ในโรคไตเรื้อรังเมื่อเริ่มเป็น จะไม่มีอาการ จะมีอาการต่อเมื่อโรคเป็นมากแล้ว ซึ่งเป็นสา เหตุให้เมื่อผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยอาการของโรคไต จึงมักป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังระยะที่รุนแรงแล้ว อาการที่พบได้บ่อยจากโรคไตเรื้อรัง คือ
- ปัสสาวะผิดปกติ อาจปริมาณมาก ปริมาณน้อย หรือไม่มีปัสสาวะ ปัสสาวะอาจขุ่น หรือใสเหมือนน้ำ หรือสีเข้ม เป็นฟองตลอดเวลา มีเลือดปน และ/หรือมีกลิ่นผิด ปกติ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- เบื่ออาหาร รสชาติอาหารแปลกไป ทั้งนี้จากผลของมีของเสียสะสมในร่างกาย
- คลื่นไส้ อาเจียน จากการสะสมของของเสียเช่นกัน
- คัน จากการระคายเคืองผิวหนังจากของเสียต่างๆ
- ซีด ทั้งนี้เพราะเซลล์ไตจะสร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยการสร้างเม็ดเลือดแดงของไขกระดูก ดังนั้นเมื่อเซลล์ไตเสียไป ฮอร์โมนชนิดนี้ก็ถูกสร้างลดลงไปด้วย จึงส่งผลถึงการสร้างเม็ดเลือดแดงของไขกระดูก
- มีน้ำในร่างกายมาก เพราะไตขับออกไม่ได้ จึงเกิดอาการบวม มักเริ่มที่ เท้า และรอบดวงตาก่อน
- เมื่อเป็นมาก จะเกิดอาการของไตวาย เช่น สับสน โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด
แพทย์วินิจฉัยโรคไตได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคไตได้จาก ประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยต่างๆทั้งในอดีตและในปัจจุ บัน ประวัติการใช้ยา การตรวจร่างกาย การตรวจปัสสาวะ และการตรวจเลือดดูการทำงานของไต (เช่น สาร Creatinine ย่อว่า Cr, Blood urea nitrogen ย่อว่า BUN, และ Glomerular filtration rate ย่อว่า GFR ) และของเกลือแร่ต่างๆ (เช่น Sodium, Potassium, Calcium, และ Phosphorus) และอาจมีการตรวจต่างๆเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับ อาการผิดปกติของผู้ป่วย สิ่งผิด ปกติที่แพทย์ตรวจพบ และดุลพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจภาพไตด้วย อัลตราซาวด์ เอกซ เรย์คอมพิวเตอร์ หรือ เอมอาร์ไอ และการตัดชิ้นเนื้อจากไตเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
รักษาโรคไตอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคไต คือ
- การกำจัดของเสียที่สะสมในร่างกายเพื่อให้เหลืออยู่ในเกณฑ์ที่เนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆสามารถทำงานได้อย่างใกล้เคียงปกติที่สุด
- การรักษาสาเหตุ
- การรักษาประคับประคองตามอาการ
- และการผ่าตัดเปลี่ยนไต
- การกำจัดของเสียออกจากร่างกาย คือ การล้างไต/การฟอกไต และการควบคุมอา หารและของบริโภคต่างๆ (อาหารสำหรับโรคไต) เพื่อลดอัตราการสะสมของของเสีย
- การรักษาควบคุมสาเหตุ เช่น รักษาควบคุมโรคเบาหวาน และ/หรือโรคความดันโลหิตสูง หรือการสลายนิ่ว หรือ ผ่าตัดนิ่วในไต ซึ่งทั้งนี้ขึ้นกับว่า อะไรเป็นสาเหตุ เป็นต้น
- การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ยาบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน การให้ยาแก้คัน ตามอาการที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ เป็นต้น
- การผ่าตัดเปลี่ยนไต แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนไต เมื่อไตไม่สามารถทำงานได้อีกแล้ว ซึ่งในระยะนี้ ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้จากการล้างไต/ฟอกไตเท่านั้น
โรคไตรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?
โรคไต จัดเป็นโรครุนแรง ทั้งไตวายเฉียบพลันและไตวายเรื้อรัง แต่อย่างไรก็ตาม หลายสาเหตุที่พบได้บ่อย เป็นสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น จากโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และโรคอ้วน เป็นต้น
เมื่อตรวจพบโรคแต่เนิ่นๆ ไตวายเฉียบพลัน สามารถรักษาให้หายได้ ส่วนไตวายเรื้อรัง เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่การรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยชะลอการตายของเซลล์ไต ซึ่งจะช่วยชะ ลอภาวะไตวายได้
เมื่อเป็นโรคไตดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
เมื่อมีอาการดังกล่าวแล้วในหัวข้อ อาการ ควรพบแพทย์เสมอ และเมื่อทราบแล้วว่าตน เองเป็นโรคไต การดูแลตนเอง คือ
- ปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาลแนะนำอย่างเคร่งครัดถูกต้อง กินยาต่างๆที่แพทย์แนะ นำให้ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ขาดยา
- บริโภค อาหาร น้ำดื่ม เครื่องดื่มต่างๆ ตามแพทย์ พยาบาลที่ให้การรักษา แนะนำเสมอ (อาหารสำหรับโรคไต)
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต เพราะโรคเรื้อรังเป็นสาเหตุให้ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายต่ำลง จึงเป็นปัจ จัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย และมักเป็นการติดเชื้อรุนแรง และเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต
- รักษา ควบคุมโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
- พบแพทย์ตามนัดเสมอ
- รีบพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อมีอาการผิดปกติไปจากเดิม หรือ มีอาการต่างๆเลวลง หรือ เมื่อกังวลในอาการ
มีการตรวจคัดกรองโรคไตไหม?
การตรวจคัดกรองโรคไตตั้งแต่ยังไม่มีอาการ คือ การตรวจสุขภาพประจำปี โดยเริ่มได้ตั้ง แต่อายุ 15 ถึง 18 ปี ด้วยการตรวจร่างกายกับแพทย์ ตรวจวัดความดันโลหิต การตรวจปัสสาวะ และตรวจเลือดดูการทำงานของไต หรือการตรวจต่างๆตามแพทย์แนะนำ
ป้องกันโรคไตได้อย่างไร?
การป้องกันโรคไต คือ การกินอาหารจืด จำกัดการกินอาหารเค็ม และการหลีกเลี่ยงสา เหตุ/ปัจจัยเสี่ยงต่างๆอื่นๆที่ป้องกันได้ที่กล่าวแล้วในหัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง ซึ่งที่สำคัญ คือ การป้องกัน
ขอขอบคุณ
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์